ผู้ลงทุนคงเคยคุ้นกันดีกับคำเตือนที่ว่า...“การลงทุนมีความเสี่ยง...ยิ่งมีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงก็ยิ่งมีความเสี่ยงสูง หรือ high risk high expected return”
แต่คงจะมีผู้ลงทุนน้อยรายที่เข้าใจลึกซึ้งถึงความหมาย เพราะไม่เช่นนั้น เหล่ามิจฉาชีพทั้งหลายคงไม่สามารถใช้กลโกงฉกฉวยโอกาสหาประโยชน์จากความคาดหวังของผู้ลงทุนโดยการหลอกลวงให้ลงทุนในหลายรูปแบบ
โดยเฉพาะการสร้างแรงจูงใจว่าจะได้ผลตอบแทนที่สูง แต่ท้ายสุดแล้วก็ปิดบริษัทหนีหายไปส่งผลให้ผู้ลงทุนต้องสิ้นเนื้อประดาตัว ดังที่เป็นข่าวครึกโครมตามหน้าหนังสือพิมพ์อยู่บ่อยๆ ซึ่งมิจฉาชีพเหล่านี้ มักแฝงตัวมาในรูปบริษัทหรือตัวแทนเถื่อน โดยมีพฤติกรรมในรูปแบบที่คล้ายกัน เพื่อชักชวนผู้ลงทุนให้ไปลงทุนในหลักทรัพย์ กองทุน หรือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีสินค้าอ้างอิง เช่น น้ำมันดิบ ทองคำ หรือแม้กระทั่งสินค้าเกษตร เช่น ถั่วแดง ยางพารา ข้าวสาร เป็นต้น
พฤติกรรมที่พบเห็นได้บ่อย ได้แก่ โทรศัพท์ชวนให้ลงทุนทั้งที่ไม่รู้จักกันมาก่อน ชักชวนให้เข้าร่วมสัมมนา การโฆษณาชวนเชื่อทางเว็บไซต์และส่งemail ชักชวนโดยมักอ้างผลตอบแทนที่สูงมาก เช่น ได้รับผลตอบแทนถึงเดือนละ 25% เป็นต้น
เมื่อบริษัท/ตัวแทนเถื่อนเหล่านี้ได้เงินลงทุนจากผู้ลงทุนไปแล้ว จะไม่ได้มีการนำเงินนั้นไปลงทุนจริงๆ แต่จะมีการสร้างเรื่องให้เหมือนกับว่าได้นำเงินไปลงทุนโดยในระยะแรกผู้ลงทุนมักได้รับผลตอบแทนตามคำโฆษณาชวนเชื่อ เพราะเป็นการนำเงินของผู้ลงทุนรายอื่นมาจ่ายให้ผู้ลงทุนรายแรกๆ เพื่อตบตาว่าเป็นผลกำไร จนผู้ลงทุนตายใจและลงทุนเพิ่ม ท้ายที่สุด บริษัทจะเริ่มแจ้งว่าการลงทุนมีผลขาดทุนและเรียกเก็บเงินจากผู้ลงทุนเพิ่มเพื่อรักษาสถานภาพการลงทุน ซึ่งถ้าผู้ลงทุนหลงเชื่อก็จะจ่ายเงินเพิ่มจนไม่สามารถหาเงินเพิ่มได้ก็จะหยุดลงทุนไป โดยคิดว่าเป็นการลงทุนที่ผิดพลาดของตัวเองจึงไม่ได้เรียกร้องความเป็นธรรมต่อทางการแต่อย่างใด
ดังนั้น หากไม่อยากตกเป็นเหยื่อ ต้องหมั่นสังเกตว่าการโฆษณาหรือชักชวนให้ลงทุนที่อ้างว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงมากๆ จนผิดปกตินั้น น่าจะมีอะไรไม่ชอบมาพากลอยู่ เราต้องตั้งสติและตรวจสอบข้อมูลผู้ชักชวนว่าเป็นผู้ที่ได้รับอนุญาตถูกต้องจากทางการหรือไม่